การศึกษาการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดมะแขว่นด้วยวิธีทดสอบเอมส์
คำสำคัญ:
การก่อกลายพันธุ์, สารสกัดมะแขว่น, วิธีทดสอบเอมส์บทคัดย่อ
มะแขว่น (Zanthoxylum myriacanthum Wall. ex Hook.f.) เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในภาคเหนือของประเทศไทยทั้งในด้านอาหารและการแพทย์แผนไทย โดยมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลาย เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา รวมถึงการนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แต่ข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารสกัดมะแขว่น ยังมีจำกัด ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงศึกษาการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดมะแขว่นด้วยวิธีทดสอบเอมส์ ทั้งในสภาวะที่มีและไม่มีเอนไซม์ S9 กระตุ้น โดยใช้เชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhimurium 4 สายพันธุ์ ได้แก่ TA98, TA100, TA1535, TA1537 และ Escherichia coli สายพันธุ์ WP2 uvrA ผลการทดลองพบว่า สารสกัดมะแขว่นไม่เกิดการก่อกลายพันธุ์ ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดมะแขว่นมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง หากมีการนำสารสกัดมะแขว่นไปพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องศึกษาในเชิงลึกต่อไปเพื่อให้มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
จุรีภรณ์ อิ้มพัฒน์ และนันทกานต์ วุฒิศิลป์. (2564). การพัฒนาน้ำมันที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยจากผลมะแขว่นและฤทธิ์บรรเทาปวดที่มีต่อกล้ามเนื้อน่องในผู้เข้าร่วมวิจัยสุขภาพดี. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, 19(1), 147-160.
ชุลี ยมภักดี และวรินทร ชวศิริ. (2554). สารออกฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์จากมะแขว่น Zanthoxylum limonella Alston. Anti-microbial Activity from Zanthoxylum limonella Alston [รายงานผลการวิจัย]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฐกานต์ วงศ์สีสม, จามจุรี จินะตา, บุษบา มะโนแสน, จิรรัชต์ กันทะขู้, สุรีพร วันควร, และสุภาวดี ศรีแย้ม. (2557). การศึกษาฤทธิ์ต้านแบคทีเรียก่อโรคในอาหารของน้ำมันหอมระเหยจากมะแขว่น. วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ, 37(1), 3-14.
บรรจง วิทยวีรศักด์, จันทิภา ปุรินทราภิบาล, กัญญารัตน์ หลงเศษ, และซูไฮณีย์ อิงดิง. (2553). การตรวจหาสารก่อกลายพันธุ์ในน้ำทิ้งและในบรรยากาศการทำงานภายในโรงงานผลิตถุงมือยางในจังหวัดสงขลา: รายงานฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ปฐมาวัลย์ วิภูษณพันธุ์. (2561). ฤทธิ์ต้านออกซิเดชันและฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผนังผลและเมล็ดมะแขว่น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัชรวรรณ ตันอมาตยรัตน์. (2558). การพัฒนาผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากจากสารสกัดผลมะแขว่น [รายงานผลการวิจัย]. มหาวิทยาลัยพะเยา.
มหาวิทยาลัยแม่โจ้. (2565). เอสเซ้นส์บำรุงผิวหน้ามะแขว่น (Ma-khaen Essence). องค์ความรู้มหาวิทยาลัยแม่โจ้. https://kb.mju.ac.th/product.aspx?id=3748
Ahsan, M., Zaman, A. T., Hasan, M. C., Ito, C., & Islam, K. S. (2000). Constituents and cytotoxicity of Zanthoxylum rhetsa stem bark. Fitoterapia, 71(6), 697-700. https://doi.org/10.1016/S0367-326X(00)00214-8
Alam, F., Saqib, Q. N., & Ashraf, M. (2019). Phenolic contents, elemental analysis, antioxidant and lipoxygenase inhibitory activities of Zanthoxylum armatum DC fruit, leaves and bark extracts. Pakistan Journal of Pharmaceutical Sciences, 32(4), 1703-1708.
Netweera, V., Priprem, A., & Limsittichaikoon, S. (2016). In vitro and in vivo studies of a bioadhesive gel containing volatile oil extracted from fruits of Zanthoxylum limonella Alston. International Journal of Scientific and Research Publications, 6(1), 175-178.
OECD. (2020). Test No. 471: Bacterial reverse mutation test. OECD Guidelines for the Testing of Chemicals, Section 4. https://doi.org/10.1787/9789264071247-en
Sreelekha, M., Anto, N. P., Anto, R. J., & Shafi, P. M. (2014). Cytotoxicity of 6-acetonyldihydrochelerythrin, arnottianamide and 6-(2-hydroxypropyl)-dihydrocherythrine towards human cancer cell lines. Indian Journal of Chemistry, 53B, 647-651.
Tangjitjaroenkun, J., Supabphol, R., & Chavasiri, W. (2012). Antioxidant effect of Zanthoxylum limonella Alston. Journal of Medicinal Plants Research, 6(8), 1407-1414. https://doi.org/10.5897/JMPR10.846
Vijay, U., Gupta, S., Mathur, P., & Bhatnagar, P. (2018). Microbial Mutagenicity Assay: Ames Test. Bio-protocol, 8(6), Article e2763. https://doi.org/10.21769/BioProtoc.2763
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และคณาจารย์ท่านอื่นในมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับผู้แต่ง (Author)
