ผลของการใช้สารกลุ่มไซโตไคนินต่อการเกิดยอดและใบของกัญชาในสภาพปลอดเชื้อ

Main Article Content

กษิดิ์เดช อ่อนศรี
จุฑาภัทร์ พรหมชา
กัญตนา หลอดทองหลาง
เกศินี ศรีปฐมกุล
อรพรรณ หัสรังค์

บทคัดย่อ

กัญชาเป็นพืชล้มลุกที่ได้รับการยอมรับในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมาก เนื่องจาก
ช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้ จึงทำให้กัญชาเป็นพืชที่มีแนวโน้มทางความต้องการเพิ่มมากขึ้น
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชที่มีประสิทธิภาพแต่ความเหมาะสมของฮอร์โมน
ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของชิ้นส่วนพืชนั้นมีการตอบสนองแตกต่างกันไป โดยเฉพาะฮอร์โมน
กลุ่มไซโตไคนินที่มีความสำคัญต่อการชักนำให้เกิดชิ้นส่วนใหม่ การทดลองนี้จึงได้ศึกษาการใช้ฮอร์โมน
กลุ่มไซโตไคนิน คือ เบนซิลอะดีนีน (6-benzyladenine:BA) และไคเนติน (6-furfurylaminopurine:
Kinetin) ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันบนอาหารแข็งสูตร MS เพื่อศึกษาการเกิดยอดและใบของกัญชา
ในสภาพปลอดเชื้อ ประกอบด้วย 6 หน่วยทดลอง ได้แก่ อาหารแข็งสูตร MS (MS control) เป็นปัจจัย
ควบคุม อาหารแข็งสูตร MS ที่เติม Kinetin 1.5 มิลลิกรัมต่อลิตร (MS+kinetin 1.5 mg/l) อาหารแข็ง
สูตร MS ที่เติม BA 0.25 มิลลิกรัมต่อลิตร (MS+BA 0.25 mg/l) และอาหารแข็งสูตร MS ที่เติม BA 0.25
มิลลิกรัมต่อลิตรผสมกับ kinetin 0.5, 1 และ 1.5 มิลลิกรัมต่อลิตร (MS+BA 0.25 mg/l + kinetin 0.5
mg/l, MS+BA 0.25 mg/l + kinetin 1 mg/l, MS+BA 0.25 mg/l + kinetin 1.5 mg/l) จำนวน
50 ซ้ำวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design; CRD) บันทึกผลเมื่อ
กัญชามีอายุครบ 8 สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่าจำนวนยอดที่เกิดใหม่ และจำนวนใบ แตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (P<0.01) โดย MS+BA 0.25 mg/l + kinetin 0.5 mg/l มีการเกิดยอดใหม่
เฉลี่ยมากที่สุดเท่ากับ 7.56 ยอดต่อต้น และมีการเกิดใบใหม่เฉลี่ยมากที่สุดเท่ากับ 12.64 ใบต่อต้น
ดังนั้นสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานและแนวทางการผลิตกัญชาในสภาพปลอดเชื้อต่อไปได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อ่อนศรี ก., พรหมชา จ., หลอดทองหลาง ก. ., ศรีปฐมกุล เ., & หัสรังค์ อ. (2022). ผลของการใช้สารกลุ่มไซโตไคนินต่อการเกิดยอดและใบของกัญชาในสภาพปลอดเชื้อ. วารสารวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 1(1), 28–35. สืบค้น จาก https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/jsetRMU/article/view/3857
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต น�าเข้า ส่งออก จ�าหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง

ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา พ.ศ. 2564. (2564, 26 พฤศจิกายน).

ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 138. ตอนที่ 79ก. หน้า 1-38.

ชยันต์ พิเชียรสุนทร. (2561). การวิจัยและพัฒนาสารสกัดกัญชาและกัญชงทางการแพทย์เพื่อ

การพัฒนาประเทศ [รายงานผลการวิจัย]. สถาบันวิจัยและพัฒนา, องค์การเภสัชกรรม.

พีรเดช ทองอ�าไพ. (2537). ฮอร์โมนพืชและสารสังเคราะห์แนวทางการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย

(พิมพ์ครั้งที่ 4). วิชัยการพิมพ์.

ระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์ และโชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ. (2561). ประโยชน์และโทษที่อาจเกิดขึ้นจาก

การใช้กัญชาในทางการแพทย์และการเปิดเสรีการใช้กัญชา. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข,

(1), 71-94. อรดี สหวัชรินทร์. (2539). เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ. มหาวิทยาลัย

เกษตรศาสตร์.

อารีญา กฤดาตระกูล. (2561). การศึกษาการใช้พืชกัญชาทางด้านการแพทย์ของสหพันธรัฐรัสเซีย

และประเทศไทย [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

Adhikary, D., Kulkarni, M., Mezawy, A. E., Mobini, S., Elhiti, M., Gjuric, R., Ray, A.,

Polowick,P., Slaski, J. J., Jones, M. P., & Bhowmik, P. (2021). Medical

Cannabis and Industrial Hemp Tissue Culture: Present Status and Future

Potential. Frontiers in Plant Science, 12, 1-22.

Letham, D. S. (1974). Regulators of cell division in plant tissues. Planta, 118(4),

–364.

Movahedi, M., Ghasemi-Omran, V., & Torabi, S. (2015). The effect of different

concentrations of TDZ and BA on in vitro regeneration of Iranian cannabis

(Cannabis sativa) using cotyledon and epicotyl explants. Journal of Plant

Molecular Breeding, 3(2), 20-27.

Phillips, G. C., & Garda, M. (2019). Plant tissue culture media and practices: an

overview. In Vitro Cellular & Developmental Biology - Plant, 55(3), 242–257.

Pierik, R. L. M. (1989). In Vitro Culture of Higher Plants. Martinus Nijhoff Publishers.

Shahzad, A., Sharma, S., Parveen, S., Saeed, T., Shaheen, A., Akhtar, R., Yadav, V.,

Upadhyay, A., & Ahmad, Z. (2017). Historical Perspective and Basic Principles

of Plant Tissue Culture. Plant Biotechnology: Principles and Applications,

(1), 1-36.