จริยธรรมการตีพิมพ์

จรรยาบรรณผู้แต่งงานวิจัย

ความเป็นต้นฉบับและการลอกเลียน: ผู้แต่งต้องรับประกันว่างานของตนเป็นผลงานต้นฉบับและไม่เคยได้รับการตีพิมพ์มาก่อน และไม่ควรส่งต้นฉบับเดียวกันไปยังวารสารมากกว่าหนึ่งแห่งในเวลาเดียวกัน การลอกเลียนผลงานในทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

การอ้างอิงแหล่งที่มา: ผู้แต่งต้องอ้างอิงและให้เครดิตแก่ผลงานของผู้อื่นอย่างเหมาะสม แหล่งที่มาทั้งหมดที่ได้มีการปรึกษาหรือใช้ในการวิจัยต้องระบุในรายการอ้างอิง

การให้เครดิตและการมีส่วนร่วม: บุคคลที่มีชื่อเป็นผู้แต่งควรเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญในการวิจัยและต้นฉบับ ผู้แต่งร่วมทุกคนต้องได้เห็นและอนุมัติฉบับสุดท้ายของงานและยินยอมให้ส่งไปตีพิมพ์

ความถูกต้องและความซื่อตรง: ผู้แต่งต้องนำเสนอผลการวิจัยอย่างถูกต้องโดยไม่บิดเบือนหรือปลอมแปลงข้อมูลใดๆ และต้องให้คำอธิบายที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาของงานที่ดำเนินการและความสำคัญของการวิจัยของตน

การเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์: ผู้แต่งต้องเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ทางการเงินหรืออื่นๆ ที่อาจมีผลต่อผลลัพธ์หรือการตีความต้นฉบับของตน แหล่งทุนสนับสนุนทั้งหมดสำหรับโครงการต้องได้รับการเปิดเผย

การอนุมัติทางจริยธรรม: ผู้แต่งต้องแสดงหลักฐานการอนุมัติทางจริยธรรมสำหรับการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์หรือสัตว์ตามความเหมาะสม และต้องปฏิบัติตามแนวทางจริยธรรมการวิจัยของสถาบัน ระดับชาติ และระดับนานาชาติ

การแก้ไขข้อผิดพลาด: หากผู้แต่งพบข้อผิดพลาดหรือความไม่ถูกต้องอย่างมีนัยสำคัญในงานที่ตีพิมพ์แล้ว ต้องแจ้งบรรณาธิการวารสารหรือผู้จัดพิมพ์ทันทีและร่วมมือกับพวกเขาในการแก้ไขบทความหรือถอนบทความหากจำเป็น
--------------

จรรยาบรรณบรรณาธิการ

การประเมินต้นฉบับ: บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาคุณภาพของต้นฉบับที่ส่งมา โดยตรวจสอบว่าเนื้อหาสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสารตามที่ระบุไว้ในแนวทางของวารสาร ต้นฉบับต้องได้รับการประเมินตามความเหมาะสมในการตีพิมพ์

ความเป็นต้นฉบับและการตีพิมพ์ซ้ำ: บรรณาธิการต้องตรวจสอบความเป็นต้นฉบับของต้นฉบับ และรับรองว่าผู้แต่งไม่ได้ตีพิมพ์งานนี้มาก่อนหน้านี้ในที่อื่น ต้นฉบับที่เคยตีพิมพ์มาก่อนจะไม่ได้รับการพิจารณา

การรักษาความลับ: บรรณาธิการต้องรักษาความลับตลอดกระบวนการประเมิน โดยใช้วิธีการประเมินแบบปกปิดสองทาง (double-blind review) เพื่อไม่เปิดเผยตัวตนของผู้แต่งและผู้ประเมินแก่บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

การตัดสินใจอย่างเป็นธรรม: บรรณาธิการต้องพิจารณาและคัดเลือกต้นฉบับตามความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจน และความสอดคล้องกับนโยบายของวารสาร โดยปราศจากอคติต่อเชื้อชาติ เพศ ศาสนา วัฒนธรรม การเมือง หรือสังกัดของผู้แต่ง

การปฏิบัติตามกระบวนการของวารสาร: บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ของวารสารอย่างเคร่งครัด เมื่อกระบวนการประเมินบทความเสร็จสิ้น บรรณาธิการต้องแจ้งผู้แต่งเกี่ยวกับการตอบรับและช่วงเวลาการตีพิมพ์

การประเมินตามหลักฐาน: บรรณาธิการต้องไม่ปฏิเสธต้นฉบับเพราะความสงสัยหรือไม่แน่ใจ ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ข้อสงสัยนั้นๆ ก่อนทำการตัดสินใจเกี่ยวกับต้นฉบับ

ความขัดแย้งทางผลประโยชน์: บรรณาธิการต้องไม่มีความเกี่ยวข้องในต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์ และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้แต่งหรือผู้ประเมิน ต้องไม่ใช้ต้นฉบับเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจหรือเป็นผลงานทางวิชาการของตนเอง

ความสมบูรณ์ของเนื้อหาต้นฉบับ: บรรณาธิการต้องไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของต้นฉบับหรือผลการประเมินของผู้ประเมิน และไม่ปิดกั้นข้อมูลที่ใช้แลกเปลี่ยนระหว่างผู้ประเมินและผู้แต่ง

การจัดการกับการคัดลอกผลงาน: บรรณาธิการต้องหยุดกระบวนการประเมินทันทีเมื่อพบว่ามีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น และติดต่อผู้แต่งหลักทันทีเพื่อขอคำชี้แจง การตัดสินใจรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์ต้องพิจารณาจากการรักษามาตรฐานของวารสาร

--------------

จรรยาบรรณผู้ประเมิน

ความเชี่ยวชาญในการประเมิน: ผู้ประเมินบทความควรประเมินบทความในสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ หากไม่เชี่ยวชาญตรงกับเนื้อหาที่บรรณาธิการส่งมาให้ ควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบเพื่อพิจารณาผู้ประเมินใหม่ การพิจารณาบทความควรคำนึงถึงความสำคัญของเนื้อหาต่อสาขาวิชานั้นๆ คุณภาพการวิเคราะห์ และความเข้มข้นของผลงาน ไม่ควรใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความ

การรักษาความลับ: ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับของข้อมูลในบทความ หากไม่สามารถทำได้ต้องแจ้งบรรณาธิการ ห้ามเปิดเผยข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดที่ได้รับการพิจารณาแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาของการประเมินบทความ

การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์: ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบและปฏิเสธการประเมินหากพบว่าตนมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้แต่ง เช่น เป็นที่ปรึกษาโครงการ หรือรู้จักผู้แต่งเป็นการส่วนตัว หรือเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้

การอ้างอิงและความซ้ำซ้อน: หากพบว่าเนื้อหาสำคัญขาดการอ้างอิง ผู้ประเมินต้องเสนอแนะโดยระบุผลงานวิจัยที่สำคัญและสอดคล้องกับบทความที่กำลังประเมิน หากพบว่ามีส่วนใดของบทความที่คล้ายหรือซ้ำซ้อนกับผลงานอื่นๆ ผู้ประเมินต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ

การตรวจสอบจริยธรรมการวิจัย: หากเนื้อหาของบทความมีการทดลองเกี่ยวกับคนหรือสัตว์ ผู้ประเมินต้องตรวจสอบว่า ระเบียบวิธีการวิจัยสอดคล้องกับจริยธรรมการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคนและสัตว์หรือไม่

การปฏิบัติตามกรอบเวลา: ผู้ประเมินบทความต้องรักษาระยะเวลาการประเมินตามกรอบเวลาที่กำหนด