วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo <p><strong>วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย</strong></p> <p><strong>กำหนดออก :</strong> วารสารตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี ดังนี้ ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน, ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ :</strong> เป็นวารสารที่ครอบคลุมเนื้อหางานวิจัยที่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่มีคุณภาพ สำหรับนักเรียน นักศึกษา วิศวกร สถาปนิก นักออกแบบ นักวิชาการและนักวิจัย ทั้งภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เน้นการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ การออกแบบ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โลจิสติกส์ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และสาขาที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH UthenJo@rmutto.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันโชค เครือหงษ์ ) sumarin_po@rmutto.ac.th (นางสาวสุมารินทร์ พงษ์สิทธิ์) Mon, 30 Jun 2025 08:58:17 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนานาโนซิลิการ่วมกับเส้นใยปาล์มน้ำมันและเส้นใยป่านศรนารายณ์ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของคอนกรีต https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3622 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากำลังรับแรงอัด กำลังรับแรงดัด และการซึมผ่านของน้ำของคอนกรีตที่ผสม<br />นาโนซิลิกา เส้นใยปาล์มน้ำมัน และเส้นใยป่านศรนารายณ์ โดยใช้นาโนซิลิกาที่มีขนาดอนุภาคเฉลี่ย 12 นาโนเมตร แทนที่ปูนซีเมนต์ร้อยละ 3 โดยน้ำหนัก พร้อมทั้งเติมเส้นใยปาล์มน้ำมันและเส้นใยป่านศรนารายณ์ที่มีความยาว 20 มิลลิเมตร ลงในส่วนผสม ทดสอบสมบัติคอนกรีตที่อายุ 28 วัน ผลการศึกษาพบว่า คอนกรีตที่มีการเติมนาโนซิลิกาและเส้นใยธรรมชาติ มีค่ากำลังรับแรงดัดสูงกว่าคอนกรีตควบคุม แสดงให้เห็นว่า การเติมวัสดุเหล่านี้ สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการรับแรงดัดของคอนกรีตได้ อย่างไรก็ตาม ค่ากำลังรับแรงอัดของคอนกรีตที่เติมเส้นใยมีค่าต่ำกว่าคอนกรีตควบคุม นอกจากนี้ การทดสอบการซึมผ่านของน้ำพบว่าคอนกรีตที่ผสมเส้นใยธรรมชาติมีค่าการซึมผ่านของน้ำสูงกว่าคอนกรีตควบคุม การเติมนาโนซิลิกา เส้นใยปาล์มน้ำมัน และเส้นใยป่านศรนารายณ์ช่วยเพิ่มกำลังรับแรงดัดของคอนกรีต อย่างไรก็ตามการปรับปรุงส่วนผสมเพิ่มเติมจำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านกำลังรับแรงอัดและการต้านทานการซึมผ่านของน้ำ</p> ณัฐชัย บรรเทิงสุข, ศตวรรษ หฤหรรษพงศ์, ณรงค์เดช อินทรัตน์ชัยกิจ, เอนก เนรมิตครบุรี, ธวัชชัย ปัญญาคิด, ปัญญา คล่องอักษรกุล, เซาฟีร์ ดือราแม Copyright (c) 2025 วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3622 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาคุณสมบัติของดินซีเมนต์ผสมเถ้าลอยและโซเดียมไฮดรอกไซด์ https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/4047 <p>บทความนี้นำเสนอการศึกษาคุณสมบัติของดินซีเมนต์ผสมเถ้าลอยและโซเดียมไฮดรอกไซด์ ตัวอย่างดินที่ใช้ในการศึกษานำมาจากโครงการอ่างเก็บน้ำมรสวบ การเตรียมตัวอย่างทดสอบแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ดินซีเมนต์ ดินซีเมนต์ผสมเถ้าลอย ดินซีเมนต์ผสมโซเดียมไฮดรอกไซด์ และดินซีเมนต์ผสมเถ้าลอยและโซเดียมไฮดรอกไซด์ โดยทุกกลุ่มใช้ปริมาณปูนซีเมนต์ 5 สัดส่วน ได้แก่ 220, 230, 240, 250 และ 260 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยปริมาตร ใช้ดินชนิด CL ผ่านตะแกรงเบอร์ 4 เถ้าลอยผ่านตะแกรงเบอร์ 325 และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 5 โมลาร์ การทดสอบค่าแรงอัดแกนเดียวดำเนินการเมื่อตัวอย่างมีอายุการบ่มที่ 1, 7, 14 และ 28 วัน ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าค่าแรงอัดแกนเดียวของตัวอย่างทุกอัตราส่วนสูงขึ้นตามปริมาณปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น โดยตัวอย่างดินซีเมนต์ผสมโซเดียมไฮดรอกไซด์ให้ค่าแรงอัดแกนเดียวและค่าโมดูลัสความยืดหยุ่นสูงกว่าตัวอย่างดินซีเมนต์และตัวอย่างดินซีเมนต์ที่มีส่วนผสมของเถ้าลอย การใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์เป็นสารช่วยชะซิลิกาจากวัสดุผสมช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวประสานที่เกิดจากปฏิกิริยาไฮเดรชั่น สำหรับผลของการเกิดปฏิกิริยาปอซโซลานมีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปฏิกิริยาไฮเดรชั่น โดยผลการทดสอบค่าแรงอัดแกนเดียวมีความสอดคล้องกับผลการทดสอบโครงสร้างจุลภาค</p> ศุภชัย ไทยพุ่ม, ชูศักดิ์ คีรีรัตน์, นพดล สุดสุย, ศักดิ์สิทธิ์ ณ น่าน Copyright (c) 2025 วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/4047 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 ผลกระทบของไอออนแอมโมเนียมต่อคุณสมบัติเชิงวิศวกรรมของดินเหนียวที่ปรับปรุงด้วยผงแคลไซต์จากกระบวนการ MICP https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3978 <p>ปัจจุบันการปรับปรุงคุณภาพดินเหนียวเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยกระบวนการตกตะกอนแคลไซต์ (CaCO<sub>3</sub>) ที่เหนี่ยวนำโดยจุลินทรีย์ (MICP) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีศักยภาพสูงในการปรับปรุงคุณสมบัติเชิงวิศวกรรมของดิน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้ส่งผลให้เกิดไอออนแอมโมเนียม (NH<sub>4</sub><sup>+</sup>) เป็นผลพลอยได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณสมบัติทางวิศวกรรมของดิน งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของไอออน NH<sub>4</sub><sup>+ </sup>จากกระบวนการ MICP ต่อค่ากำลังรับแรงอัดแบบไม่ถูกจำกัด (<em>q</em><sub>u</sub>) และค่าสัมประสิทธิ์การซึมผ่านน้ำ (<em>k</em>) ของดินเหนียว โดยทำการเติม NH<sub>4</sub>Cl ลงในดินเพื่อจำลองผลกระทบที่อาจเกิดจากกระบวนการ MICP ผลการศึกษาพบว่า ดินเหนียวที่ปรับปรุงด้วย CaCO<sub>3</sub> อย่างเดียว มีค่ากำลังรับแรงอัดประลัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอนุภาค CaCO<sub>3</sub> ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างเม็ดดินในช่วงต้นและมีการพัฒนากำลังที่อายุบ่มมากขึ้นจากปฏิกิริยาปอซโซลานิกในระยะยาว ในขณะที่ตัวอย่างดินที่มี NH<sub>4</sub><sup>+</sup> ปะปน พบว่าค่ากำลังรับแรงอัดลดลงเนื่องจาก NH<sub>4</sub><sup>+ </sup>มีการกักเก็บความชื้นในมวลดินส่งผลให้กำลังรับแรงอัดไม่พัฒนาตามอายุบ่ม ส่วนค่า<em> k</em> ที่อัตราส่วนช่องว่าง (<em>e</em>) เท่ากัน พบว่าตัวอย่างดินที่มี NH<sub>4</sub><sup>+</sup> ปะปนมีค่า <em>k</em> ต่ำกว่าดินที่ไม่มี NH<sub>4</sub><sup>+</sup> อย่างชัดเจน เนื่องจากไอออน NH<sub>4</sub><sup>+ </sup>ส่งผลให้มวลดินบวมน้ำและยากต่อการไหลผ่านของน้ำ ในทางกลับกัน ดินที่ได้รับการปรับปรุงด้วย CaCO<sub>3</sub> มีค่า <em>k</em> สูงกว่าดินที่ไม่ปรับปรุงคุณภาพ เนื่องจากอนุภาคของแคลไซต์มีขนาดใหญ่กว่าดินเหนียวโดยทั่วไปส่งผลให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ดีขึ้น ผลที่ได้จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการควบคุมหรือกำจัดไอออนแอมโมเนียมในกระบวนการ MICP มีความสำคัญต่อการปรับปรุงคุณภาพดินเหนียวให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เหมาะสำหรับงานวิศวกรรมที่ต้องการคุณสมบัติทางกลที่ดีและความสามารถในการระบายน้ำที่เหมาะสม</p> รุจิรา พลไตร, ธวัชชัย สัพโส, อมรเดช นวลมณี, ณัฐชัย โปร่งมณี Copyright (c) 2025 วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3978 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การออกแบบก่อสร้าง ระบบกำจัดมูลฝอย แบบศูนย์รวมกำจัดขยะ ระยะที่ 2 ของจังหวัดอุทัยธานี https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3980 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบก่อสร้าง ระบบกำจัดมูลฝอย แบบศูนย์รวมกำจัดขยะ ระยะที่ 2 ของจังหวัดอุทัยธานี โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยดังนี้ 1) ทบทวนรายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยและออกแบบการจัดการขยะแบบศูนย์รวมกำจัดขยะ ระยะที่ 2 ของจังหวัดอุทัยธานี 2) สำรวจสภาพภูมิประเทศและจัดทำแผนที่ ตามสภาพปัจจุบัน 3) สำรวจอาคารสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่โครงการ 4) จัดทำแบบรายละเอียดสำหรับโครงการ 5) ประมาณราคาก่อสร้างตามแบบรายละเอียด และ 6) จัดทำเอกสารประกอบการออกแบบ ผลการศึกษาพบว่า ระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่เหมาะสมกับเทศบาลเมืองอุทัยธานี คือ ระบบฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล อย่างไรก็ตาม การนำขยะสดไปฝังกลบโดยตรงจะทำให้บ่อฝังกลบต้องใช้พื้นที่มาก และเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรมีการบำบัดขยะมูลฝอยโดยวิธีเชิงกล-ชีวภาพ (MBT) ก่อนนำไปฝังกลบ และนำขยะที่ผ่านการบำบัดเบื้องต้นไปผลิต RDF เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยที่จะฝังกลบลดลง และยืดอายุการใช้งานของพื้นที่บ่อฝังกลบขยะ สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียและอาคารสิ่งปลูกสร้างเดิมในพื้นที่โครงการ สามารถปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ พร้อมกันนี้ ผู้วิจัยได้จัดทำแบบรายละเอียด องค์ประกอบของระบบการจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองอุทัยธานี ซึ่งประกอบด้วย 1) แบบก่อสร้างบ่อฝังกลบขยะมูลฝอย 2) แบบก่อสร้างถนน และรางระบายน้ำรอบบ่อฝังกลบขยะมูลฝอย 3) แบบก่อสร้างอาคาร MBT-RDF 4) แบบก่อสร้างอาคารเก็บวัสดุ และ 5) แบบรายละเอียดการกำจัดขยะเก่าออกจากพื้นที่ และถมดินปิดระยะที่ 1 และจัดทำประมาณราคาก่อสร้างและเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ (อ้างอิงบทบัญญัติของกฎหมาย หลักปฏิบัติ เกณฑ์ มาตรฐาน หรือ รายละเอียดข้อกำหนดตามระเบียบของทางราชการ รวมถึงหลักวิชาการ) เพื่อให้จังหวัดอุทัยธานี นำไปใช้ประกอบการทำแผนการจ้างก่อสร้าง ในการขอรับการจัดสรรงบประมาณ</p> บุญรักษ์ แวนบอเซอร์, ชีวพัฒน์ แวนบอเซอร์, ดลเดช ตั้งตระการพงษ์ Copyright (c) 2025 วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3980 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การถ่ายทอดองค์ความรู้การเพิ่มมูลค่าการผลิตผลิตภัณฑ์จากขยะครัวเรือนสู่ เศรษฐกิจฐานรากกรณีศึกษา : ชุมชนชายฝั่งทะเลเทศบาลเมืองแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3117 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากขยะครัวเรือนเพื่อเพิ่มมูลค่า และการถ่ายทอดความรู้กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุขยะครัวเรือน สู่แนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในชุมชนเทศบาลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือทิ้งทางทะเลมีขั้นตอนดังนี้ คือ กระบวนการคัดแยกขยะครัวเรือน เป็นกระบวนเริ่มต้นที่สำคัญ คือ แยกขยะครัวเรือนที่จะนำมาผ่านกระบวนการแปรสภาพเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์จากขยะครัวเรือน และกระบวนการแปรสภาพ โดยการย่อยด้วยเครื่องย่อย เป็นการนำขยะครัวเรือนที่ผ่านการคัดแยกมาผ่านเครื่องย่อย จากนั้นนำมาผสมกับซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ในอัตราส่วน 1:4 ในการทำแม่พิมพ์แบบถอดประกอบได้ โดยเลือกใช้ไม้ความหนา 15 มิลลิเมตร เพื่อใช้สำหรับหล่อ โดยใช้วิธีการเทวัสดุแปรสภาพจากขยะครัวเรือนลงในแม่พิมพ์ในขณะที่วัสดุยังไม่แข็ง ทิ้งไว้ 40 นาที แล้วจึงถอดแม่พิมพ์และขัดเกลาให้ชิ้นงานเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม จากกระบวนการดังกล่าว ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 33 คน จากผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการผลิตผลิตภัณฑ์จากขยะครัวเรือน พบว่า ผู้เข้าร่วมมีพัฒนาการด้านการมีส่วนร่วม ความเข้าใจ และความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value &lt; 0.05) สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการอบรมและความเหมาะสมของเนื้อหาที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในชุมชน</p> ธัญญพัทธ์ วัฒนจิรพันธุ์, ญาณัญฎา ศิรภัทร์ธาดา, ยิ่งยง รุ่งฟ้า, จงจิต ลิอ่อนรัมย์, มัทธนี ปราโมทย์เมือง Copyright (c) 2025 วารสารวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ อุเทนถวาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/UthenJo/article/view/3117 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700