ห้องแยกส่วนความดันลบแบบเคลื่อนที่ได้สำหรับโรงพยาบาลสนาม

Main Article Content

มานพ พิพัฒหัตถกุล
วิริยะ บริสุทธิ์

บทคัดย่อ

การแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจแบบเฉียบพลันรุนแรง Coronavirus 2 (SARS-CoV-2) ได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงมากในระดับโลกโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งปัจจุบันถูกเรียกว่าโรคระบาด COVID-19 จึงมีความพยายามในการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง เพื่อช่วยบรรเทาการระบาดของ COVID-19 อย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น ในการศึกษานี้ได้ทำการออกแบบห้องแยกส่วนความดันลบที่เคลื่อนที่ได้ง่าย ระบบระบายอากาศออกแบบตามข้อกำหนดตามมาตรฐาน ASHRAE 170:2017 โดยมีข้อกำหนดขั้นต่ำประกอบด้วย อัตราการเติมอากาศ 2 ACH, อัตราการระบายอากาศ 12 ACH, จำนวนและประสิทธิภาพชุดกรองของพัดลมระบายอากาศ และความดันลบไม่น้อยกว่า (-ve) 2.5 Pa ห้องแยกส่วนความดันลบที่ทำการออกแบบและสร้างมีขนาด 3 x 3 x 2.4 เมตร ประกอบด้วยห้องพักแยกเดี่ยวขนาด 2.3 x 3 x 2.4 เมตร และห้องโถงรอขนาด 0.7 x 3 x 2.4 เมตร ระบบระบายอากาศประกอบด้วยพัดลมเติมอากาศและพัดลมระบายอากาศที่มีชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ทำการทดลองในช่วงความเร็วของพัดลมระบายอากาศตั้งแต่ 30 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นครั้งละ 10 เปอร์เซ็นต์ เงื่อนไขการทดสอบแบ่งเป็นสองกรณี คือไม่มีผู้ปฏิบัติงานและมีผู้ปฏิบัติงานสองคน เข้า-ออก จากห้อง จากผลการทดลองพบว่าความเร็วพัดลมระบายอากาศที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 45 ถึง 55 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการถ่ายเทอากาศ 19.71 ถึง 26.04 ACH พัดลมเติมอากาศทำงานที่ความเร็วรอบคงที่สามารถให้อัตราการถ่ายเทอากาศเป็น 7.2 ACH ห้องพักแยกเดี่ยวมีความดันลบในช่วง (-ve) 6.0 ถึง 16.0 Pa ในขณะที่มีผู้ปฏิบัติงานสองคนเดินเข้า ห้องพักแยกเดี่ยวสามารถรักษาระดับความดันให้อยู่ในช่วง (-ve) 4.5 ถึง 9.0 Pa โดยความดันภายในห้องสามารถกลับสู่สภาวะสมดุลได้ภายในช่วงเวลา 121 ถึง 231 วินาที จากการทดสอบด้วยควันไม่พบการรั่วซึมและจุดอับอากาศภายในห้อง การปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมของ COVID-19 อาจเป็นเส้นทางของการแพร่เชื้อไวรัส แต่อย่างไรก็ตามสามารถทำให้ลดลงได้โดยห้องแยกส่วนความดันลบ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พิพัฒหัตถกุล ม., & บริสุทธิ์ ว. (2023). ห้องแยกส่วนความดันลบแบบเคลื่อนที่ได้สำหรับโรงพยาบาลสนาม. Journal of Advanced Development in Engineering and Science, 11(32), 44–59. สืบค้น จาก https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/pitjournal/article/view/964
ประเภทบทความ
บทความวิจัย