การศึกษาความสัมพันธ์ของหน่วยวัดความเข้มแสงระหว่างค่าลักษ์ ค่ารูรับแสงสำหรับการจัดแสงโคมไฟ 3 ตำแหน่ง เพื่อการบันทึกภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ศึกษาการเปลี่ยนค่าความเข้มแสง (Illuminance) หน่วย Lux เป็น หน่วย ค่ารูรับแสง (f-stop) สำหรับให้ความสว่างการบันทึกภาพ ระหว่าง วิธีการวัดด้วยเครื่องวัดแสงตกกระทบ (Incident Light) และวิธีการคำนวณตามกฎแลมเบิร์ตโคไซน์ (Lambert’s Cosine Law) ภายใต้ทฤษฏีจัดแสงโคมไฟ 3 ตำแหน่ง พร้อมการบันทึกภาพตัวแบบบุคคล ผลการศึกษาพบว่า ตำแหน่งที่ 1 โคมหลักหลอดไฟทังสเตน-ฮาโลเจน 1000W มีค่าความคลาดเคลื่อนการวัดกับการคำนวณในหน่วย Lux มีค่า 10.9 % และ f-stop มีค่า 0.71 % ตำแหน่งที่ 2 โคมเสริมหลอดไฟทังสเตน-ฮาโลเจน 650W หน่วย Lux มีค่า 19.3 % และ f-stop มีค่า 1.25 % และตำแหน่งที่ 3 โคมส่องหลังหลอดไฟทังสเตน-ฮาโลเจน 2000W หน่วย Lux มีค่า 11.1 % และ f-stop มีค่า 0.12 % สาเหตุความคลาดเคลื่อนมาจากความไม่เสถียร ซึ่งเกิดจากการถือเครื่องมือวัดด้วยมือแทนการใช้ยึดเครื่องมือวัดไว้บนขาตั้ง และปริมาณแสงที่ไม่สม่ำเสมออันเกิดจากการกระพริบของโคมไฟ ทั้งนี้ภายในคู่มือผลิตภัณฑ์โคมไฟส่วนใหญ่ระบุค่าความเข้มแสงเป็น หน่วย Lux หรือ fc แต่ไม่ระบุ ในหน่วย ค่ารูรับแสง สำหรับการจัดแสงเพื่อการบันทึกภาพจำเป็นต้อง ทราบค่ารูรับแสง ซึ่งจะปรากฏในเมนูกล้องบันทึกภาพ ดังนั้น ผู้ควบคุมการจัดแสง ต้องการ ค่ารูรับแสงตัดสินใจวางแผนการเลือกใช้โคมไฟให้เหมาะสมกับปริมาณการให้ความสว่างกับตัวแบบหรือบุคคล เพื่อลดการใช้โคมไฟที่มีค่ากำลังไฟฟ้าสูงและความสว่างมากเกินความจำเป็น และเป็นการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายทางอ้อมสำหรับการจัดแสงเพื่อการบันทึกภาพสำหรับโทรทัศน์และภาพยนตร์
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในJournal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Journal of Advanced Development in Engineering and Science หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Advanced Development in Engineering and Scienceก่อนเท่านั้น