การพัฒนาวัสดุเชิงประกอบชีวภาพจากกลูเตนข้าวสาลีที่เสริมแรงด้วยเส้นใยปาล์มน้ำมัน
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวัสดุเชิงประกอบชีวภาพจากกลูเตนข้าวสาลีโดยการใช้เส้นใยปาล์มน้ำมันเป็นสารเสริมแรงเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการนำไปใช้งานบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว เนื่องจากทั้งกลูเตนและเส้นใยปาล์มเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยวิธีทางชีวภาพ สำหรับขั้นตอนการเตรียมชิ้นงานทดสอบ กลูเตนจากข้าวสาลีถูกผสมกับเส้นใยปาล์มน้ำมันด้วยเครื่องผสมระบบปิดและขึ้นรูปชิ้นงานทดสอบโดยใช้เครื่องอัดด้วยความดัน ผลของปริมาณเส้นใยปาล์มน้ำมันที่ถูกปรับเปลี่ยน ตั้งแต่ 0 – 15%โดยน้ำหนัก ถูกประเมินด้วยการทดสอบแรงดึง แรงกระแทก การหาค่าอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้ว การดูดซับน้ำ และการตรวจสอบทางสัณฐานวิทยา กลีเซอรอล ปริมาณ 30%โดยน้ำหนักของกลูเตนถูกใช้เป็นสารพลาสติไซเซอร์ ผลการทดลอง พบว่า การเพิ่มปริมาณเส้นใยปาล์มมีผลทำให้ค่ามอดุลัสความต้านทานแรงดึง ค่าความต้านทานแรงดึงสูงสุด ค่าความต้านทานแรงกระแทก และค่าอุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้วมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ค่าเปอร์เซ็นต์การยืดตัว ณ จุดขาดมีแนวโน้มลดลง เส้นใยปาล์มมีประสิทธิภาพในการเสริมแรงให้กับกลูเตนเนื่องจากพันธะไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นระหว่างหมู่ไฮดรอกซิลของเส้นใยปาล์มน้ำมันกับพันธะเปปไทด์ของกลูเตนจากข้าวสาลี การมีอยู่ของเส้นใยปาล์มน้ำมันในวัสดุเชิงประกอบชีวภาพจากกลูเตนข้าวสาลีช่วยขัดขวางการดูดซับน้ำให้มีปริมาณลดลง วัสดุเชิงประกอบชีวภาพจากกลูเตนข้าวสาลีที่มีการเติมเส้นใยปาล์มน้ำมัน 15% โดยน้ำหนักเป็นสูตรที่ดีที่สุดเมื่อพิจารณาจากสมบัติที่เปลี่ยนแปลงไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในJournal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Journal of Advanced Development in Engineering and Science หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Advanced Development in Engineering and Scienceก่อนเท่านั้น