การประเมินผลมาตรการการปรับปรุงพลังงานของกรอบอาคารในอาคารสถานศึกษาโดยใช้แบบจำลองพลังงาน : กรณีศึกษาในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวางแผนการจัดการพลังงานเป็นที่สิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับอาคารสถานศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สัดส่วนการใช้พลังงานในอาคารสถานศึกษาส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการปรับอากาศ ดังนั้นกรอบอาคารมีส่วนสำคัญอย่างมากในการลดภาระระบบปรับอากาศ วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อทำการประเมินมาตรการการปรับปรุงพลังงานของกรอบอาคารในอาคารสถานศึกษา โดยใช้อาคาร 7 ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นอาคารกรณีศึกษา งานวิจัยนี้ได้ใช้เทคนิคทางด้านการจำลองพลังงานในอาคารโดย OpenStudio และ EnergyPlus ทำการจำลองการใช้พลังงานของ 13 มาตรการการปรับปรุงพลังงานของกรอบอาคาร และยังใช้การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์หาผลตอบแทนการลงทุนและความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของ 13 มาตรการ จากการศึกษาพบว่ามาตรการ M2 (ติดตั้งฉนวนที่กรอบอาคาร) มีศักยภาพการประหยัดพลังงานสูงสุด โดยมีค่าดัชนีการใช้พลังงานที่ 67.806 kWh/(m2Year) ตามด้วยมาตรการ M13 (ติดตั้งฉนวนที่กรอบอาคาร ติดฟิล์มและฉนวนที่หลังคา) และมาตรการ M12 (เปลี่ยนฉนวนหลังคา) โดยมีค่าดัชนีการใช้พลังงานที่ 69.049 kWh/(m2Year) และ 69.140 kWh/(m2Year) ตามลำดับ การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์พบว่ามีเพียง 3 มาตรการที่เป็นไปได้ในการลงทุนและทางเทคนิค โดยทั้ง 3 มาตรการนี้คือมาตรการ M2 M13 และ M12 โดยมีผลตอบแทนการลงทุนเท่ากับ 533,889.71 บาท 442,360.34 บาท และ 127,139.53 บาท ตามลำดับ ผลการศึกษาและวิธีวิจัยในงานวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงพลังงานของกรอบอาคารในอาคารสถานศึกษาอื่นๆ ได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในJournal of Advanced Development in Engineering and Science ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Journal of Advanced Development in Engineering and Science หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Advanced Development in Engineering and Scienceก่อนเท่านั้น