ปัจจัยความรอบรู้ทางสุขภาพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

Main Article Content

ยุพาพร เกษกุมษี
จรูญ เบญมาตย์
อรนุช วงศ์วัฒนาเสถียร
ปิยะณัฐฏ์ จันทวารีย์
กิจปพน ศรีธานี

บทคัดย่อ

ควันบุหรี่มือสองเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และระบบทางเดินหายใจ แม้ในผู้ไม่สูบ นักศึกษาสาธารณสุขชุมชนจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงอันตรายและมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแบบอย่างและขยายผลสู่การสร้างเสริมสุขภาพที่ดีในชุมชน การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความรอบรู้ทางสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสอง 2) ศึกษาพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสอง
3) เปรียบเทียบระดับความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตัวเองจากควันบุหรี่มือสอง และ 4) ศึกษาปัจจัยความรอบรู้ทางสุขภาพที่สามารถทำนายพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางครั้งนี้ดำเนินการกับนักศึกษาจำนวน 252 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความตรงและความเชื่อมั่นด้วยสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.951 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบทีแบบอิสระระหว่างกลุ่ม และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณแบบขั้นตอน


ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขชุมชนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 91.7 อายุ 22 ปี ร้อยละ 29.0 และกำลังศึกษาในชั้นปีที่ 4 ร้อยละ 43.2 ด้านความรอบรู้ทางสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองโดยรวมอยู่ในระดับดี ค่าเฉลี่ย = 3.97, S.D. = 0.58 โดยความรอบรู้ด้านความรู้ความเข้าใจมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด ค่าเฉลี่ย = 4.07, S.D. = 0.67 ส่วนพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย = 4.15, S.D. = 0.63 และพบว่านักศึกษามีระดับความรอบรู้ทางสุขภาพที่แตกต่างกันมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (p-value < 0.001)  ความรอบรู้ด้านการบอกต่อ (β = 0.349) และความรอบรู้ด้านความรู้ความเข้าใจ (β = 0.209) สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาได้ร้อยละ 24.7 (R² = 0.247, p < 0.001) โดยมีสมการทำนายคือ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสอง = 2.181 + 0.292 (ความรอบรู้ด้านการบอกต่อ) + 0.196 (ความรอบรู้ด้านความรู้ความเข้าใจ) ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพ โดยเฉพาะทักษะการสื่อสารและบอกต่อเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองในกลุ่มนักศึกษาสาธารณสุขชุมชน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพชุมชนในอนาคต

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เกษกุมษี ย., เบญมาตย์ จ., วงศ์วัฒนาเสถียร อ., จันทวารีย์ ป. ., & ศรีธานี ก. (2025). ปัจจัยความรอบรู้ทางสุขภาพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วารสารวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 4(1), 21–33. สืบค้น จาก https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/jsetRMU/article/view/4050
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2562). เครื่องมือสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในสถาน

บริการสุขภาพ. นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข.

จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ, รุ่งนภา แย้มกลีบ และญชณัฏฐา พงษ์ปรีชา. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อการได้รับควันบุหรี่มือสองของ

นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา, 13(2), 89–101.

ธนะวัฒน์ รวมสุข, สุรินธร กลัมพากร, ทัศนีย์ รวิวรกุล, ทัศนีย์ อรรถสาร, อารยา ทิพย์วงศ์, นภิสสร ดีรณวัตร และจิราภรณ์

อนุชา. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนักศึกษสถาบันอุดมศึกษา

กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลทหารบก, 24(3), 357–365.

บุริศร์ ยอดนางรอง, พีรยา จันทร์ศรีทอง, กุลภรณ์ เศวตจิตรไกรสร, วนิดา สิงหาเทพ, และอารยา ทิพย์วงศ์. (2565). ปัจจัยที่มี

ความสัมพันธ์กับความรอบรู้ทางสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันการสูบบุหรี่ ของนักศึกษาพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

กรุงเทพมหานคร. วารสารวิจัยธรรมศึกษา, 5(1), 1–9.

ยุรนันท์ เทพา. (2567). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันนักสูบบุหรี่หน้าใหม่

ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง. วารสารสาธารณสุขมูลฐาน

(ภาคเหนือ), 34(2), 12-26.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2563). คู่มือความรอบรู้ด้านสุขภาพ: แนวทางและการประเมิน.

กรุงเทพมหานคร: สสส.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2564). รายงานสถานการณ์การควบคุมยาสูบของประเทศไทย ปี 2564.

กรุงเทพมหานคร: สสส.

อารยา เชียงของ และเชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล. (2565). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการได้รับบุหรี่มือสองของ

นักศึกษาในมหาวิทยาลัย. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 9(3), 49-59.

Intarangkul, T., & Chodnock, K. (2024). Factors related to health literacy in illness prevention among

Buriram Rajabhat University students. South East European Journal of Public Health, 3, 672–677.

Nguyen, H.V., Pham, T.M., & Nguyen, H.L. (2020). Health literacy and preventive behaviors of secondhand

smoke exposure among Vietnamese university students. Journal of Health Research, 34(2), 157–

Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health

education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International,

(3), 259–267.

Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67(12),

–2078.

Panahi, R., Osmani, F., Javanmardi, K., Ramezankhani, A., Dehghankar, L., Amini, R., Haeri Mehrizi, A. A.,

Amjadian, M., Anbari, M., & Hosseini, N. (2021). The relationship between different levels of health

literacy and smoking prevention among medical sciences student. International Journal of Preventive Medicine, 12, 124. https://doi.org/10.4103/ijpvm.IJPVM_460_20

Rao, A., Rungta, N., Nandini, M., Unnikrishnan, B., Shenoy, R., Rao, A., & Shetty, M. K. (2023). Effect of

educational intervention in reducing exposure to second hand tobacco smoke among 12-year-old children as determined by their salivary cotinine levels and knowledge, attitude and behavior – a randomized controlled trial. Frontiers in Oral Health, 4, 1–10. https://doi.org/10.3389/froh.2023.1277307

Sorensen, K., Broucke, S.V.D., Fullam, J., Doyle, G., Pelikan, E., Slonska, Z., & Brand, H. (2012). Health

literacy and public health: A systematic review and integration of definitions and models. BMC

Public Health, 12(1), 80.

Wang, M.P., Ho, S.Y., & Lam, T.H. (2013). Secondhand smoke exposure and avoidance behavior among

Chinese adolescents in Hong Kong. Preventive Medicine, 124, 58–62.

Wang, M.P., Ho, S.Y., Lo, W.S., & Lam, T.H. (2019). The influence of health communication literacy on

adolescents' secondhand smoke avoidance. Journal of Health Communication, 24(2), 113–121.

World Health Organization. (2019). WHO global report on trends in prevalence of tobacco use 2000-2025

(3rd ed.). WHO.

World Health Organization. (2021). Second-hand smoke and children. https://www.who.int