ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของลูกประคบสมุนไพรไทยจากกลุ่มวิสาหกิจ จังหวัดร้อยเอ็ด

Main Article Content

ปริ่มมาลา ขำคมเขตต
อณิสณี แทนอาษา
สิริมา โพธิ์วัฒนเจริญ
ภาวนา พนมเขต

บทคัดย่อ

ตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อประเมินฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของลูกประคบสมุนไพรไทยจากกลุ่มวิสาหกิจสมุนไพรในจังหวัดร้อยเอ็ด  ทำการเก็บตัวอย่างลูกประคบจำนวน 14 ตัวอย่าง นำมาเตรียมมสารทดสอบในรูปแบบสารน้ำและแบบผงแห้ง และทำการศึกษาฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียทั้งกลุ่มแกรมบวก (S.aureus และ CNS) และกลุ่มแกรมลบ (Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa, Acinetobacter baumanii และ Proteus mirabilis) ด้วยวิธีการ agar disc diffusion และหาค่าระดับความเข้มข้นต่ำสุดในการยับยั้ง (Minimum inhibitory concentration: MIC) และ ฆ่าเชื้อ (Minimum bactericidal inhibition: MBC) ด้วยวิธีการ broth dilution ผลจาการศึกษาพบว่า การศึกษาฤทธิ์การยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในเบื้องต้น สารทดสอบจากลูกประคบสมุนไพรสารทดสอบแบบสารน้ำ สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ชนิด S.aureus โดยสารทดสอบแบบสารน้ำ SP2 ให้ผลการยับยั้งดีที่สุดค่าบริเวณการยับยั้งเฉลี่ยเท่ากับ  11±S.D. เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และเมื่อทำการหาค่า MIC และ MBC ของสารทดสอบจากลูกประคบ พบว่า ฤทธิ์ต้านจุลชีพที่ดีที่สุดคือ SL2 ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทุกเชื้อแบคทีเรียที่ใช้ในการทดสอบ แล้วยืนยันด้วยการทดสอบทั้งค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อและค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถฆ่าเชื้อได้ สารทดสอบแบบสารน้ำจากลูกประคบสมุนไพรไทยได้นำมาทำให้แห้งที่อุณหภูมิต่ำจนได้เป็นสารทดสอบแบบผงแห้ง แล้วนำมาทดสอบฤทธิ์ต้านแบคทีเรียด้วยการหาค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อและค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถฆ่าเชื้อได้ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า การใช้สารทดสอบแบบสารน้ำและสารทดสอบแบบผงแห้งของลูกประคบสมุนไพรไทยให้ผลการทดลองที่เหมือนกัน   

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ขำคมเขตต ป., แทนอาษา อ., โพธิ์วัฒนเจริญ ส., & พนมเขต ภ. (2022). ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของลูกประคบสมุนไพรไทยจากกลุ่มวิสาหกิจ จังหวัดร้อยเอ็ด . วารสารวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 1(3), 27–39. สืบค้น จาก https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/jsetRMU/article/view/3893
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Changtam, C. (2015) Usefulness and various biological activities of Curcuma longa L. Huachiew Chalermprakiet Sci Technol J, 1(2), 1-16.

Chiranthanut, N., Hanprasertpong, N., & Teekachunhatean, S. (2014) Thai massage and Thai herbal compress versus oral ibuprofen in symptomatic treatment of osteoarthritis of the knee: a randomized controlled trial. Biomed Res Int., 2014, 490512. DOI:10.1155/2014/490512

Khumkhomkhet, P., & Pholdaeng, K. (2017). Surver and bioactivity studies on medicinal plants in the Ko Kaeo subdistrict, Selaphum district, Roi Et province. (1975-1800. RMU GRC). Rajabhatt Maha-Sarakham University.

Neelapong, W., Phonyotin, B., & Sittikijyothin, W. (2019) Extraction of active compounds from Thai herbs: powder and extract. The journal of KMUTNB, 29(1), 157-166.

Pimson, C., Parakhan, N., Nantapet, P., Thammasiri, J., Chanutsa, N., & Chopjitt, P. (2018) The treatment of Curcuma longa on rabbit dermatitis. Chiang Mai Veterinary Journal, 16(1), 1-13.

Samappito, W., Samappito, S., & Butkhup, L. (2017) Antibacterial activity of peel extracted from Mangosteen (Garcinia Mangostana Linn.) and Phlai (Zingiber Montanum Koenig) root extractedand phlai oil. J Sci Technol MSU, 36(1), 53-60.

Wichantu, P., & Tangwattanachuleeporn, M. (2019) Antimicrobial activity of Eucalyptus essential oil. Thammasat Medical Journal, 19(1), 79-89.