แสงธรรมชาติทางด้านบนสำหรับอาคารในประเทศไทย

Main Article Content

ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล

บทคัดย่อ

งานศึกษานี้นำเสนอความเป็นไปได้ในการใช้แสงธรรมชาติจากด้านบนกับอาคารในประเทศไทย โดยเทคนิคในการออกแบบ 4 รูปแบบ ได้แก่: (1) ช่องเปิดพื้นฐาน (Base-case skylight); (2) ช่องเปิดแบบ Skylight; (3) ช่องเปิดแบบ Monitor; และ (4) ช่องเปิดแบบ Sawtooth ทำการศึกษากับอาคารชั้นเดียวที่มีความสูงพื้นถึงฝ้าเพดาน 8 เมตร ส่วนแรกของบทความนำเสนอการวิเคราะห์รูปตัดของห้องและช่องเปิดต่างๆ เพื่อพิจารณาทิศทางของแสงตรงจากดวงอาทิตย์ (Direct sunlight) และการมองเห็นพื้นที่โดมท้องฟ้าที่เข้าสู่ช่องเปิดด้านบน และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ DIALux 4.13 จำลองแสงสว่าง เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างด้านปริมาณที่ระดับพื้นห้อง และระดับ 3 เมตร จากฝ้าเพดาน (เสมือนห้องที่มีความสูงพื้นถึงฝ้าเพดาน 3 เมตร) ช่วงเวลาที่ทำการจำลอง ได้แก่ 9:00 น. 12:00 น. และ 15:00 น. ภายใต้สภาพท้องฟ้าแบบมีเมฆปกคลุมบางส่วน (Partly cloudy sky) ของวันที่ 21 ในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม ส่วนที่สองของการศึกษาสมการคำนวณตัวประกอบแสงธรรมชาติ (Daylight factor) สำหรับการให้แสงสว่างทางด้านบนที่แนะนำในทฤษฎีในต่างประเทศ และเปรียบเทียบค่าที่คำนวณกับผลที่ได้จากการจำลองในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลการศึกษาพบว่า ปริมาณแสงสว่างเฉลี่ยที่ ขึ้นกับรูปแบบช่องเปิด ช่วงเวลาที่พิจารณา สอดคล้องกับการวิเคราะห์แสงสว่างด้วยรูปตัด ช่องเปิดแบบพื้นฐานให้ค่าความสว่างสูงสุด ช่องเปิดแบบ Skylight ช่องเปิดแบบ Monitor และช่องเปิดแบบ Sawtooth มีปริมาณแสงเฉลี่ยลดลงตามลำดับ ช่องแสงแบบ Skylight มีความสว่างเฉลี่ยสูงที่สุดในเวลา 12:00 น. ช่องเปิดแบบ Monitor และSawtooth จะมีความสว่างเฉลี่ยในเวลา 9:00 น. และ 15:00 น. ที่สูงกว่าความสว่างเฉลี่ยในเวลา 12:00 น. ผลที่ได้จากบทความแสดงให้เห็นว่าค่าที่คำนวณจากสมการทางคณิตศาสตร์ใกล้เคียงกับค่าที่ได้จากการจำลองด้วยโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์สำหรับช่องเปิดแบบ Monitor และ Sawtooth การกระจายแสงสว่างจากช่องแสงด้านบนในทุกรูปแบบจะมีปริมาณแสงสว่างสูงสุดบริเวณพื้นที่ใต้ช่องเปิด และลักษณะของการกระจายแสงสามารถประเมินเบื้องต้นได้ด้วยการใช้รูปตัดของห้องในการวิเคราะห์ได้

Article Details

How to Cite
ไชยะกุล ย. (2021). แสงธรรมชาติทางด้านบนสำหรับอาคารในประเทศไทย. วารสารวิชาการพลังงานและสิ่งแวดล้อมอาคาร, 4(2), 49–61. สืบค้น จาก https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/bee/article/view/49
บท
บทความวิจัย

References

Egan, M. D., & Olgyay, V. (2002). Architectural Lighting. (2nd ed.). Boston: McGraw Hill.

Chirarattananon, S., & Limmechokchai, B. (1996). Daylight potential in Thailand. Energy Sources, 18, 875-883.

ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล. (2549, 27-29 กรกฎาคม 2549 ). กฎอย่างง่ายและแบบจำลองคณิตศาสตร์เพื่อหาระดับความส่องสว่างจากหน้าต่าง. การประชุมวิชาการเครือข่ายพลังงานแห่งประเทศไทยครั้งที่ 2, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา.

ศิวดล อุปพงษ์, & ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล. (2556). การใช้แสงธรรมชาติในอาคารผ่านท่อนำแสงแนวดิ่ง. วารสารวิชาการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ปีที่ 12, 78-85.

วัชรินทร์ วิมานจตุรงค์, & ธาริณี รามสูต. (2559). การใช้แสงธรรมชาติในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ผ่านท่อนำแสงแนวดิ่ง. การประชุมวิชาการเทคโนโลยีอาคารด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 3, โรงแรม เซ็นทารา คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ขอนแก่น.

Chaiyakul, Y. (2013). Daylighting in building through a vertical light pipe in Thailand. TSkylight basecase he Lux Pacifica 2013, Bangkok.

Chirarattananon, S., Chedsiri, S., & Renshen, K. (2000). Daylighting through light pipes in the tropics. Solar Energy, 69(4), 331-341.

Lechner, N. (1991). Heating, Cooling, Lighting Design Methods for Architects. New York: John Wiley & Sons.

Stein, B., & Reynolds, J. S. (2000). Mechanical and Electrical Equipment for Buildings. (9th ed.). New York: John Wiley & Sons.

DIALux. (2018). DIALux (Version Version 4.13): DIALux. Retrieved from http://www.dial.de

พงศักดิ์ จงหมายกลาง, & ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล. (2558). การให้แสงสว่างในอาคารโฮมสโตร์ในปัจจุบัน. วารสารวิชาการ โฮมภูมิ ปีที่ 2 ฉบับที่ 2, 193-212.

TIEA. (2003). TIEA-GD003(WD): TIEA Guide of Recommended Interior Illumination level. Bangkok: TIEA.