จริยธรรมของการติพิมพ์

จริยธรรมของการตีพิมพ์

          วารสารวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นวารสารเพื่อเผยแพร่ความรู้เชิงวิชาการ หรือการวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ วิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์สุขภาพ และสาขาที่เกี่ยวข้อง เป็นวารสารที่ประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาจากหลายหน่วยงาน ไม่น้อยกว่า 3 ท่าน กระบวนการตีพิมพ์ของวารสารเป็นไปตามกระบวนการมาตรฐานการตีพิมพ์นานาชาติ การประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิเป็นแบบ Double blinded คือเจ้าของบทความไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อของเจ้าของบทความ ผลการประเมินเป็นไปได้ 4 ลักษณะ คือ เห็นชอบให้ตีพิมพ์โดยไม่มีการแก้ไข เห็นชอบให้ตีพิมพ์แต่ต้องแก้ไขตามข้อเสนอแนะ เห็นชอบให้มีการตีพิมพ์แต่ต้องแก้ไขและส่งกลับเพื่อพิจารณาอีกครั้ง และไม่เห็นชอบให้ตีพิมพ์บทความ ดังนั้นจึงกำหนดจริยธรรมของการตีพิมพ์ไว้เป็นแนวทางการดำเนินงานของวารสาร ๆ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามหลักการ มาตรฐานด้านจริยธรรมในการการตีพิมพ์ไว้เป็นแนวทางการดำเนินงานของวารสารฯ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตาม หลักการ มาตรฐานด้านจริยธรรมในการตีพิมพ์อย่างเคร่งครัด ตามทบบาทหน้าที่ดังนี้

บทบาทของผู้นิพนธ์

  • ผลงานของผู้นิพนธ์ต้องไม่เคยตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในรูปแบบอื่นใดในที่อื่นมาก่อน หรือไม่อยู่ระหว่างการ พิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
  • ผู้นิพนธ์ต้องไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น หากมีการนำข้อความของผู้อื่นมาใช้อ้างอิงหรือประกอบการเขียน บทความ ต้องอ้างอิงตามหลักเกณฑ์และจัดทำ เอกสารอ้างอิงไว้ท้ายบทความให้ครบถ้วน ชัดเจน
  • ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ในวารสาร
  • ผู้นิพนธ์ต้องนำเสนอข้อเท็จจริงจากการศึกษาโดยไม่มีการบิดเบือนข้อมูลหรือการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
  • ผู้นิพนธ์ต้องเขียนกิตติกรรมประกาศให้ชัดเจน รวมถึงระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนงานที่ใช้เขียนบทความใน ครั้งนี้ (ถ้ามี)
  • ผู้นิพนธ์ทุกคนที่มีชื่อในบทความจะต้องรับทราบและยินยอมให้ระบุชื่อของตนในบทความและยินยอมให้ ส่งบทความมาพิจารณาเพื่อตีพิมพ์กับวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ผู้นิพนธ์ต้องยินยอมโอนลิขสิทธิ์ให้แก่วารสารก่อนการตีพิมพ์ และไม่นำผลงานไปเผยแพร่หรือตีพิมพ์กับ แหล่งอื่น ๆ หลังจากที่ได้รับการตีพิมพ์กับวารสารวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์แล้ว
  • หากมีการวิจัยในมนุษย์ หรือสัตว์ทดลอง ผู้นิพนธ์จะต้องแนบหนังสือรับรองที่ได้รับอนุญาตให้ทำการ วิจัยในมนุษย์ หรือสัตว์ทดลองจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ หรือคณะกรรมการพิจารณา จริยธรรมการใช้สัตว์ทดลองตามแต่กรณี และระบุหมายเลขหรือรหัสการรับรองลงในบทความ

 

บทบาทของบรรณาธิการ

  • บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาและตรวจสอบบทความทุกบทความที่ส่งเข้ามาเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ กับวารสาร โดยพิจารณาจากเนื้อหาของบทความให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และขอบเขตเนื้อหาของ วารสาร รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพบทความในกระบวนการประเมินและคุณภาพของบทความก่อนส่งให้ ผู้ทรงคุณวุฒิ
  • บรรณาธิการมีหน้าที่แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาคุณภาพของบทความทุกบทความ ที่มีความ เชี่ยวชาญตรงหรือเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาของบทความ และไม่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้แต่งบทความ
  • บรรณาธิการต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่นำบทความหรือวารสารไปใช้ ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ หรือนำไปเป็นผลงานของตนเอง
  • บรรณาธิการต้องใช้เหตุผลทางวิชาการในการพิจารณาบทความทุกครั้งโดยปราศจากอคติที่มีต่อ บทความและผู้นิพนธ์ในด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัฒนธรรม การเมือง และสังกัดของผู้นิพนธ์
  • บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานของผู้อื่นอย่างจริงจัง โดยใช้ โปรแกรมที่มีความน่าเชื่อถือ โดยหากมีหลักฐานชัดเจนว่าคัดลอกผลงานของผู้อื่น บรรณาธิการต้องหยุด กระบวนการประเมินและติดต่อผู้นิพนธ์เพื่อขอคำชี้แจงตามหลักวิชาการประกอบการพิจารณาตอบรับหรือปฏิเสธ การตีพิมพ์บทความนั้น
  • บรรณาธิการต้องไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาภายในบทความและผลการประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงไม่ปิดกั้นหรือแทรกแซงข้อมูลระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิและผู้นิพนธ์
  • บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามกระบวนการและขั้นตอนของวารสารอย่างเคร่งครัด

บทบาทของผู้ทรงคุณวุฒิ

  • ผู้ทรงคุณวุฒิต้องคำนึงถึงคุณภาพของบทความเป็นหลัก โดยพิจารณาบทความภายใต้หลักการและ เหตุผลทางวิชาการโดยปราศจากอคติหรือความคิดเห็นส่วนตัวและไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์และบรรณาธิการ
  • ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากผลงานวิชาการที่ตนเองได้ประเมิน
  • ผู้ทรงคุณวุฒิต้องตระหนักว่าตนเองมีความรู้ความเข้าใจเนื้อหาของผลงานวิชาการที่รับประเมินอย่าง แท้จริง
  • หากผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบพบว่าบทความที่รับประเมินเป็นบทความที่คัดลอกจากผลงานชิ้นอื่น ๆ หรือ มีความซ้าซ้อนกับผลงานชิ้นอื่น ๆ โดยมีหลักฐานชัดเจน ผู้ทรงคุณวุฒิต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบทันที
  • ผู้ทรงคุณวุฒิต้องรักษาระยะเวลาประเมินตามกรอบเวลาประเมินกำหนด รวมถึงไม่เปิดเผยข้อมูลของ บทความให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้