วารสารโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน
https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/JLDSC
<p> วารสารโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน เป็นวารสารวิชาการของคณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยนเรศวร มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัยและบทความปริทัศน์ แก่นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์และนักศึกษา เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการศึกษา การสอน การวิจัย โดยขอบเขตของวารสารที่เปิดรับบทความ 6 สาขาที่เกี่ยวของกับโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชนดังต่อไปนี้</p> <ol> <li>การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน</li> <li>การขนส่งและการเดินทาง</li> <li>ความยั่งยืน</li> <li>วิทยาการจัดการ</li> <li>การค้าระหว่างประเทศ</li> <li>เทคโนโลยีและสารสนเทศ</li> </ol> <p><strong>กระบวนการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ<br /></strong> บทความที่ส่งเพื่อตีพิมพ์จะได้รับการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 ท่าน (ปรับปรุงนโยบาย 19-05-66) ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบรรณาธิการ โดยตลอดกระบวนการประเมินนั้น ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เขียนจะไม่ทราบตัวตนของกันและกัน (Double-blind review) อย่างไรก็ตาม บทความจากผู้เขียนภายในองค์กรจะได้รับการพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้เขียน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการประเมินคุณภาพบทความอย่างเข้มงวดก่อนที่จะเผยแพร่สู่สาธารณะ<strong><br /></strong></p> <p><strong>ประเภทของผลงานที่รับตีพิมพ์ในวารสาร</strong></p> <ol> <li><strong>บทความวิจัย (Research Article)</strong> เป็นบทความที่มีการค้นคว้าอย่างมีระบบและมีความมุ่งหมายชัดเจน เพื่อให้ได้ข้อมูลหรือหลักการบางอย่างที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการ หรือการนำวิชาการมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ บทความวิจัยมีลักษณะเป็นเอกสารที่มีรูปแบบของการวิจัยตามหลักวิชาการ เช่นมีการตั้งสมมติฐานหรือมีการกำหนดปัญหาที่ชัดเจนสมเหตุผล โดยจะต้องระบุวัตถุประสงค์ที่เด่นชัดแน่นอน มีการรวบรวมข้อมูล พิจารณาวิเคราะห์ ตีความและสรุปผลการวิจัยที่สามารถให้คำตอบหรือบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการได้</li> <li><strong>บทความวิชาการ (Academic Article) </strong>เป็นบทความในลักษณะวิเคราะห์วิจารณ์ หรือเสนอแนวคิดใหม่ จากพื้นฐานทางวิชาการที่ได้เรียบเรียงจากผลงานทางวิชาการของตนเองหรือของผู้อื่น หรือเป็นบทความทางวิชาการที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจ</li> <li><strong>บทความปริทัศน์ (Review Article) </strong>เป็นงานวิชาการที่ประเมินสถานะล่าสุดทางวิชาการ (State of the Art) เฉพาะทางที่มีการศึกษาค้นคว้า มีการวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ทั้งทางกว้างและทางลึกอย่างทันสมัย โดยให้ข้อวิพากษ์ที่ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ควรศึกษาและพัฒนาต่อไป</li> </ol> <p><strong>กำหนดเผยแพร่</strong> : ปีละ 3 ฉบับ</p> <ul> <li>ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – เมษายน</li> <li>ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม</li> <li>ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน - ธันวาคม</li> </ul> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์ : </strong>ภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์ :</strong> วารสารโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชนไม่มีค่าใช้จ่ายในกระบวนการตีพิมพ์ทั้งหมด และ ทุกบทความในวารสารนี้ตีพิมพ์ในลักษณะแบบเปิดและไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับผู้อ่านทุกท่าน</p> <p><strong>เจ้าของวารสาร :</strong> คณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยนเรศวร</p> <p><strong>ผู้ให้การสนับสนุน</strong> : คณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยนเรศวร</p> <p>ISSN 2985-0088 (Print)<br />ISSN 2985-0096 (Online)</p>th-THnattapolpa@nu.ac.th (ดร.ณัฐพล ไพศาลวิโรจน์รักษ์ )sunisasan@nu.ac.th (นางสาวสุนิษา แสนศรี)Wed, 19 Mar 2025 14:19:01 +0700OJS 3.3.0.8http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss60Applying DEA to Measure Supply Chain Performance in Local Coffee Shops
https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/JLDSC/article/view/3475
<p>This study examines the supply chain efficiency of local coffee shops near Naresuan University, Thailand, using a Data Envelopment Analysis (DEA) approach. The research evaluates the performance of four coffee shops by identifying key indicators based on the Balanced Scorecard (BSC) framework, encompassing Customer, Financial, Internal Processes, and Learning and Growth perspectives. The performance factors were validated by five relevant experts using the Content Validity Ratio (CVR) and the Index of Item-Objective Congruence (IOC). The validated performance indicators include resource utilization measures, such as transportation and production costs, and outcome metrics, including customer satisfaction and coffee production volume. The performance data for the case study were collected through a questionnaire administered to informants, covering the period from June 2023 to March 2024. The results reveal varying levels of efficiency among the four coffee shops. Coffee Shop A achieved the highest efficiency score (0.947), closely followed by Coffee Shop B (0.941). Coffee Shop C demonstrated moderate inefficiency (0.897), while Coffee Shop D had the lowest score (0.772), indicating substantial room for improvement. Inefficient coffee shops can improve performance by aligning their resource utilization and outputs with the benchmark of efficient coffee shops. These findings highlight specific operational gaps and opportunities for optimization. The study provides actionable recommendations to enhance supply chain practices, contributing to the competitiveness and sustainability of small-scale coffee businesses in an increasingly demanding market.</p>Woramol C. Watanabe, Chutima Phetmud, Kunthida Thamthan, Nareerat Rakpong, Porntipa Praisopa , Rutjira Taman
Copyright (c) 2025 คณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
https://ph03.tci-thaijo.org/index.php/JLDSC/article/view/3475Wed, 19 Mar 2025 00:00:00 +0700